2512 จำนวนผู้เข้าชม |
ภาษาท่าทางของเด็ก
ลูกของคุณไม่ได้แสดงความรู้สึกผ่านทางคำพูดหรือพฤติกรรมเท่านั้น แต่ลูกยังสื่อสารความรู้สึกต่างๆ ของเขาผ่านภาษาท่าทางด้วย ภาษาท่าทางเป็นการสื่อสารแบบไร้คำพูดที่ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวอวัยวะหรือร่างกายอย่างไม่รู้ตัว ภาษาท่าทางจึงเป็นกุญแจอีกดอกหนึ่งสำหรับช่วยให้คุณเข้าใจความคิดและความรู้สึกอของลูกได้มากขึ้น
ภาษาท่าทางประกอบด้วยมิติที่หลากหลาย เช่น
การเคลื่อนไหวลูกตา คุณจะรู้ว่าลูกกำลังตื่นเต้น เพราะลูกทำตาโตเป็นประกายและถ้าลูกหลบสายตา แสดงว่าเขากำลังกลัวหรือกังวล
การแสดงออกทางหน้าตา ลูกจะบอกคุณว่าเขากำลังดีใจและมีความสุขด้วยการยิ้ม และเขาจะสื่อสารกับคุณว่าเขากำลังไม่สบอารมณ์ด้วยปมคิ้วขมวดและหน้าตาบูดบึ้ง
ลมหายใจ เมื่อลูกสบายใจและผ่อนคลาย เขาจะหายใจช้าและยาว แต่ถ้าโมโหขึ้นมา ลมหายใจของลูกจะสั้นและหายใจถี่เร็วขึ้น
พื้นที่ส่วนตัว ลูกมักเข้ามานัวเนียและออดอ้อนในเวลาที่เขาต้องการความมั่นใจจากคุณ แต่ถ้าเมื่อไรเขาถอยไปอยู่ห่างๆ แสดงว่าเขากำลังรำคาญหรืออารมณ์เสีย
การเคลื่อนไหวมือและแขน ลูกจะเอามือกอดอกเมื่อเขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดหรือกำลังท้าทายคุณ แต่ถ้าเขารู้สึกสบายใจและผ่อนคลายเขาจะปล่อยมือตามสบาย
ทำไม ? ภาษาท่าทางจึงสำคัญ
· เพราะภาษาท่าทางเป็นภาษาธรรมชาติ เด็กเล็กๆ ยังใช้ภาษาคำพูดได้ไม่เก่ง ดังนั้นเขาจึงมักสื่อสารกับคุณผ่านทางภาษาร่างกายแทนคำพูดและการกระทำ
· เด็กมักใช้ภาษาท่าทางตลอดเวลา (คุณเองก็เช่นกัน) ดังนั้นภาษากายจึงเป็นสัญลักษณ์ที่มีประโยชน์ในการทำให้คุณเข้าใจลูกมากขึ้น
· เวลาคุณกำลังโกรธหรือไม่สบายใจ เขาจะสื่อสารทางคำพูดได้น้อยลง (พูดไม่ออก) แต่ภาษาท่าทางของเขายังคงสื่อสารกับคุณอยู่
· คุณอาจประหลาดใจเมื่อรู้ว่า ๙๐% ของอารมณ์ความรู้สึกคนเราแสดงออกผ่านภาษาท่าทางดังนั้นถ้าคุณไม่สังเกตหรือไม่เข้าใจภาษาท่าทางของลูกก็อาจจะทำให้คุณเข้าไม่ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของลูกก็ได้
ดังนั้นภาษาท่าทางจึงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญเพื่อทำให้คุณรู้ว่าลูกกำลังคิดอะไร กำลังรู้สึกอย่างไร ซึ่งช่วยให้คุณ
เข้าใจลูกอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น การให้ความสำคัญกับความหมายของภาษาท่าทางของลูกจึงเป็นเรื่องที่คุณควรใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ
โดยเริ่มจากการ สังเกตสีหน้าลูก การแสดงออกทางหน้าตาเป็นภาษากายที่เห็นและเข้าใจง่ายที่สุด จากนั้นค่อยไปทำความเข้าใจกับภาษากายด้านอื่นที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ท่ายืน ท่านั่ง การวางมือ และการหายใจ คุณจะประหลาดใจเมื่อพบว่ายิ่งคุณสามารถเข้าใจความหมายภาษาท่าทางของลูกได้เร็วและถูกต้องมากเท่าไร คุณจะยิ่งสนิทกับลูกมากขึ้นเท่านั้น
ภาษาท่าทางของเด็กทารก
ก่อนที่เด็กทารกจะพูดเป็น เขาสื่อสารกับคุณด้วยการร้องไห้และการแสดงออกทางสีหน้าแววตา คุณจะค่อยๆ รู้ได้เองว่าเสียงร้องแบบไหนหมายความว่าลูกกำลังหิว หรือร้องเสียงแบบไหนแปลว่าลูกเหนื่อยและเบื่อแล้ว ความเข้าใจนี้ทำให้คุณสามารถตอบสนองลูกได้เร็วและถูกต้อง ซึ่งทำให้ลูกผูกพันกับคุณมากยิ่งขึ้น การร้องไห้จึงเป็นภาษาท่าทางที่สำคัญสำหรับเด็กในช่วงขวบปีแรก
๕ ข้อแนะนำ
สังเกตและวิเคราะห์ภาษาท่าทาง คุณเองก็อ่านภาษาท่าทางของลูกโดยอัตโนมัติอย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่แล้วในแต่ละวัน แต่ถ้าเมื่อไรคุณสังเกตและพิจารณาอย่างจริงจัง คุณอาจจะสามารถรวบรวมรายการภาษาท่าทางที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของลูกได้มากทีเดียว ยกตัวอย่าง เช่น ลูกชอบดึงหูตัวเองเวลาที่เขาเหนื่อย หรือลูกจะเกาแก้มเวลาที่เขาอ้ำอึ้งหรือโกหก นี่แหละแสดงว่าคุณได้ใส่ใจกับภาษาท่าทางของลูกอย่างจริงจังแล้ว
ทดสอบการแปลความหมาย วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นใจว่าคุณอ่านภาษาท่าทางของลูกได้ถูกต้องคือการหาความหมายของสองครั้ง ครั้งแรกคุณลองตีความภาษาท่าทางของลูกไว้ในใจก่อนจากนั้นให้ถามลูกว่าเขารู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ คำตอบของลูกจะทำให้รู้ว่าคุณแปลภาษาท่าทางของลูกถูกต้องหรือเปล่า
เลียนแบบท่าทาง บางครั้งคุณอาจจะงงกับภาษาท่าทางบางอย่างของลูก วิธีทำให้คุณเข้าใจง่ายขึ้น คือการทดลองเลียนแบบท่าทางของลูก แล้วคิดดูว่าคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อทำท่าทางนี้ เลียนแบบภาษาท่าทางของลูกจะทำให้คุณเข้าใจความรู้สึกของลูกมากขึ้น
สังเกตความเปลี่ยนแปลง ภาษาท่าทางของลูกจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ เช่น ภาษากายของเด็กทารกจะเห็นได้ชัดเจนและตีความได้ง่ายกว่าภาษากายของเด็กวัยอนุบาล ดังนั้นคุณจึงต้องติดตามสังเกตภาษาท่าทางของเขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าใจความหมายของภาษาท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยของลูก
ยอมรับขีดจำกัด นักจิตวิทยาระบุว่ามนุษย์เรามีท่าทางเป็นพันๆ ท่าที่สื่อความหมายแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณเองจึงมีขีดจำกัดในการตีความภาษาท่าทางของลูก ทำเท่าที่ทำได้ อย่าคาดหวังกับตัวเองมากไป ว่าจะเข้าใจภาษาท่าทางของลูกได้ทั้งหมด