803 จำนวนผู้เข้าชม |
อารมณ์กับพฤติกรรมของเด็ก
อารมณ์กับพฤติกรรมนั้นมีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกันตลอดเวลาไม่มีการแสดงออกหรือการกระทำใดของเด็กเกิดขึ้นโดยบังเอิญและไม่มีความหมายบางครั้งความสัมพันธ์นี้ก็ชัดเจน เช่น ลูกงอแงอาละวาดเพราะคุณไม่ซื้อของเล่นให้เขา แต่บางครั้งความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์กับพฤติกรรมที่สังเกตได้ยาก เช่น ลูกงอแงไม่ยอมไปโรงเรียนโดยไม่ทราบสาเหตุ จนในที่สุดจึงพบว่าเขากลัวถูกเพื่อนรังแก ดังนั้นคุณจึงควรสังเกตและค้นหาต้นเหตุของอารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของลูกให้พบ
ความเชื่อมโยงระหว่างอารมณ์และพฤติกรรมนั้นไม่ได้ตายตัวหรือคาดเดาได้เสมอไป โดยทั่วไปเด็กจะยิ้มเวลาดีใจและเบะหน้าหรือตัวสั่นเวลากลัว แต่บางครั้งเมื่อคุณตำหนิลูกหรือทำให้เขากังวล เด็กอาจจะยิ้มแหย ๆ ในกรณีนี้รอยยิ้มไม่ได้หมายความว่าลูกดีใจ แต่เขายิ้มเพราะกลัวถูกคุณตำหนิเช่นเดียวกันกับที่บางครั้งเด็กจะตัวสั่น เพราะรู้สึกตื่นเต้นไม่ใช่กลัวเช่นเวลาเล่นเครื่องเล่นที่ตื่นเต้นตามสวนสนุก
ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลง
อารมณ์กับพฤติกรรม ในทำนองเดียวกัน เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม สภาวะอารมณ์ของลูกก็จะเปลี่ยนไปด้วยสิ่งที่คุณควรใส่ใจคือ สังเกตรายละเอียดของความเปลี่ยนแปลง เช่น ลูกอาจจะเปลี่ยนจากเด็กขี้อายมาเป็นเด็กกล้าแสดงออก หรือเปลี่ยนจากเด็กเรียบร้อยไปเป็นเด็กก้าวร้าว พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ควรได้รับการสังเกตอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปลี่ยนไปในทางลบ (ถ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คุณคงจะดีใจและไม่อยากวิเคราะห์หาสาเหตุมากเท่าไหร่)
เมื่อใดที่พฤติกรรมลูกเปลี่ยนไปมาก คุณควรจะถามตัวเองดังนี้
· สภาวะอารมณ์แบบไหนที่ทำให้ลูกแสดงพฤติกรรมแบบนี้
· มีเรื่องอะไรก่อนหน้านี้หรือเปล่าที่ทำให้ลูกเครียด
· มีสัญญาณอะไรบ่บอกว่าเขากำลังประสบปัญหาบ้างไหม
· ครั้งล่าสุดที่ลูกมีท่าทางหรือพฤติกรรมแบบนี้ เขากำลังเผชิญความเครียดเรื่องอะไร
· ลูกรู้ตัวไหมว่าพฤติกรรมบางอย่างของเขาเปลี่ยนไป
· ลูกอธิบายได้ไหมถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
พิจารณาคำตอบเหล่านี้ให้ละเอียดรอบคอบ และใช้ข้อมูลที่ได้มาช่วยลูกแก้ปัญหาความเครียดที่ลูกกำลังเผชิญ
อย่างเร่งด่วน เมื่อปัญหาได้ถูกแก้อย่างตรงจุด พฤติกรรมของลูกก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
อะไรเกิดก่อนกัน :พฤติกรรมหรืออารมณ์
เมื่อคุณหาความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมกับอารมณ์ของลูกพบ เช่น ลูกหงุดหงิดงอแงมากขึ้นกว่าตอนยังไม่มีน้องขณะคุณกำลังคิดหาวิธีช่วยให้ลูกปรับตัวในทางบวก คุณไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากการพุ่งเป้าไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อน (เช่น ช่วยให้เขารู้จักอดทนมากขึ้น) หรือควรพุ่งไปที่การปรับอารมณ์ก่อนดี (เช่น ให้ความมั่นใจและความรักกับลูกมากขึ้น) วิธีที่ดีที่สุด คือ ทำทั้งสองด้านไปพร้อมๆ กัน
๕ ข้อแนะนำ
รู้จักพูดถึงอารมณ์ตัวเอง ถ้าลูกคุ้นเคยกับการพูดถึงอารมณ์ของตัวเองให้คุณฟัง เขาจะไว้วางใจคุณและปรึกษาคุณเวลาที่เขามีปัญหา การพูดได้ถึงอารมณ์ตัวเองยังเป็นทักษะการสังเกตตัวเองอย่างหนึ่ง
อย่ามองข้ามเรื่องธรรมดา ๆ คำตอบของลูกอาจจะตรงไปตรงมา เช่น ลูกบอกว่าที่เขาต้องการขโมยก็เพราะไม่มีเงินติดตัวเลย คุณก็ควรรับฟังและอย่าพึ่งตีโพยตีพายกลัวลูกจะติดนิสัยลักขโมยแต่เด็ก บางครั้งสาเหตุของปัญหาก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ ธรรมดาตามประสาเด็ก ไม่จำเป็นต้องพยายามค้นหาสาเหตุแบบซับซ้อนในทุกเรื่องเสมอ
พฤติกรรมที่คาดเดาได้ การเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างของลูกอาจจะเป็นไปตามพัฒนาการของวัย เช่น เด็กวัยอนุบาลมักอยากเป็นตัวของตัวเองจึงทำให้เขาชอบเถียงและรอบต่อรอง
อย่าคาดหวังมากเกินไป ลองถามลูกดูว่าทำไมเขาจึงทำตัวอย่างนี้ แต่อย่าคาดหวังถึงขนาดลูกจะตอบคุณได้ทั้งหมดเพราะตัวเด็กเองบางทีก็ไม่รู้สาเหตุว่าเขารู้สึกอย่างไรและประพฤติตัวอย่างนั้นเพราะอะไร
คิดให้ละเอียดก่อนจัดการ อย่าพึ่งด่วนสรุปพฤติกรรมของลูก ควรคิดและพิจารณาทุกเรื่องรอบ ๆ ตัวลูกให้ถี่ถ้วนก่อนว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นพฤติกรรมนั้นทั้งชีวิตที่บ้าน การเรียน และความสัมพันธ์กับเพื่อน เพื่อเป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจจัดการอะไรลงไป